พราหมณ์ แปลว่า ผู้ลอยบาป

พราหมณ์เป็นจำพวกเล่าเรียน มีธุระทางฝึกสอนและทำพิธีคำว่าพราหมณ์นี้ แปลว่า ผู้ลอย อธิบายว่า ผู้ลอยบาป คือ ผู้ละบาปเดิมทีเมื่อมีกษัตริย์ขึ้นแล้วมีบาปอกุศล เช่น อทินนาทาน เป็นต้น ปรากฏมากขึ้นในหมู่มนุษย์แล้วก็มีคนพวกหนึ่งคิดกันว่าบัดนี้สิ่งที่เป็นบาปอกุศลได้เกิดขึ้นแล้วควรที่พวกเราจักละบาปอกุศลเสียเสียแล้วพวกนี้เห็นว่าถ้ายังอยู่ในบ้านเมืองมีบุตรภรรยาอยู่แล้วก็จะไม่อาจละบาปอกุศลทั้งหลายได้จึงได้พากันทิ้งบุตรภรรยาออกไปอยู่ในป่าตนทั้งหลายก็เรียกพวกนี้ว่าพวก
ศูทร จำพวกคนงานมีธุระรับจ้างทำการทำของ คำว่า ศูทร แปลมาจาก สูทะ คำว่า สูท แปลว่า ไหลออกแห่งรส ได้แก่ ผู้ทำอาหาร ซึ่งเรียกว่า พ่อครัวในบาลีเรียกว่า สุททะ ก็มีพวกศูทรก็สนใจทำหน้าที่ครัวตลอดถึงรับจ้างทำการงานต่าง ๆซึ่งหมายความว่าพวกละบาป พวกที่อยู่ในป่าพากันเพ่งพิศหรือพินิจพิจารณาหาสิ่งที่เป็นบาปอกุศล บุญกุศล ว่าสิ่งใดดีสิ่งใดชั่วแอยู่ในบรรณศาลาโดยลำพังผู้เดียวเช้าขึ้นก็เที่ยวไปแสวงหาอาหารตามหมู่บ้านได้แล้วก็มาบริโภคแล้วก็นั่งคิดนอนตรองในทางคลองธรรมอยู่คน




ทั้งหลายจึงเรียกพวกนี้ว่า ฌายิกา แปลว่า ผู้เพ่ง หรืองผู้เจริญญาน บางพวกก็ไม่เพ่งธรรมอยู่ในป่าไกล เข้าไปอาศัยอยู่ในป่าใกล้บ้านคิดแต่งคัมภีร์ขึ้นคิดได้อย่างไรก็จดไว้ไว้เขียนไว้เพื่อให้เป็นตำรา พวกนี้คนทั้งหลายเรียกว่า อัชฌายิกา แปลว่า พวกไม่เพ่งเป็นพวกแต่งคัมภีร์ไปครั้นนานมาก็ไม่มีใครอยู่ป่าได้เข้าอยู่ในบ้านได้ศึกษาเล่าเรียนคัมภีร์ที่พวกก่อนแต่งไว้ยังมีพวกฤๅษีที่สำคัญแต่งคัมภีร์ศาสนาพราหมณ์ไว้อีก พวกนี้จึงมีบุตรภรรยากันพวกเกิดในตระกูลของพวกนี้ก็เรียกว่าพวกพราหมณ์ต่อกันมาในบางคราวก็มีผู้นับถือพวกพราหมณ์ยิ่งกว่ากษัตริย์[1]
พราหมณ์ห้าจำพวกในปัญจกนิบาตพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าพวกพราหมณ์บัญญัติไว้ห้าจำพวก คือ 1. พฺรหฺมสโม ผู้เสมอด้วยพรหม ได้แก่ ผู้มีมารดาบิดาเป็นพราหมณ์มาถึง 7 ชั่วคนแล้วประพฤติโกมารพรหมจรรย์ คือ ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอยู่ไม่มีภรรยาถึง 48 ปีครั้นศึกษาเล่าเรียนแล้วก็ขอทานนำทรัพย์ไปบูชาอาจารย์แล้วก็ออกบวชเจริญพรหมวิหาร 4 จนได้สำเร็จญาณขึ้นไปเกิดพรหมโลก 2. เทวสโม ผู้เสมอด้วยเทวดา ได้แก่ ผู้มีมารดาบิดาเป็นพราหมณ์มาถึง 7 ชั่วคนประพฤติโกมารพรหมจรรย์ คือ เป็นโสดงดเว้นจากการเกี่ยวข้องกับสตรี มีแต่ตั้งใจเล่าเรียนคัมภีร์พราหมณ์ซึ่งเรียกว่าตั้งใจเรียนมนต์อยู่ 48 ปีแล้วก็เที่ยวขอทานนำทรัพย์ไปให้อาจารย์ครั้นแล้วก็เที่ยวแสวงหาภรรยาได้นางพราหมณีเป็นภรรยาพอได้ร่วมประเวณีแล้วก็ออกบวชตั้งใจเจริญธรรมเวลาตายแล้วได้ขึ้นไปเกิดบนสวรรค์ 3. มาริยาโท ผู้มีเขตแดน ได้แก่ ผู้มีมารดาบิดาเป็นพราหมณ์มาถึง 7 ชั่วคน ประพฤติโกมารพรหมจรรย์อยู่ 48 ปีตั้งใจเรียนมนต์แล้วเที่ยวขอทานหาทรัพย์ไปบูชาอาจารย์แล้วจึงเที่ยวแสวงหาภรรยา ได้แต่งงานกับนางพราหมณี จนมีบุตรอยู่ครอบครองเรือน ไม่ออกบวช แต่ไม่ล่วงขนบธรรมเนียมของพวกพราหมณ์ก่อนๆทำตามอย่างพวกพราหมณ์ก่อนๆ 4. สมฺภินนฺมริยาโท ผู้มีเขตแดนเจือ ได้แก่ ผู้มีมารดาบิดาเป็นพราหมณ์มาถึง 7 ชั่วคน ประพฤติโกมารพรหมจรรย์อยู่ 48 ปีตั้งใจเรียนมนต์แล้วเที่ยวขอทานหาทรัพย์ไปบูชาอาจารย์แล้วจึงเที่ยวแสวงหาภรรยาโดยชอบธรรมบ้าง   ไม่ชอบธรรมบ้าง    หาด้วยการซื้อการขายบ้าง   แต่งงานกับหญิงไม่เลือกตระกูล คือ แต่งงานกับนางพราหมณ์ก็มี นางกษัตริย์ก็มี นางเวศก็มี  นางศูทรก็มี  นางจัณฑาลก็มี นางนิษาทะ[2]ก็มี นางเสื่อลำแพนก็มี  นางช่างรถก็มี  หญิงเทหยากเยื่อก็มี  หญิงมีครรภ์ก็มี  หญิงมีลูกอ่อนก็มี  หญิงกำลังมีระดูก็มีไม่มีระดูก็มี ไม่ตั้งอยู่ในเขตแดนของพราหมณ์ก่อน ๆ  5. พราหมณจณฺฑโล พราหมณ์จัณฑาล ได้แก่ผู้มีมารดาบิดาเป็นพราหมณ์มาถึง 7 ชั่วคน ประพฤติโกมารพรหมจรรย์อยู่ 48 ปี ตั้งใจเรียนมนต์แล้วเที่ยวขอทานหาทรัพย์ไปบูชาอาจารย์ด้วยอาการต่างๆ คือ ด้วยชอบธรรมบ้าง  ไม่ชอบธรรมบ้าง  



[1]ปัญญาภิกขุนา รจิตา(ปุ้ย แสงฉาย ป.6 อนงคาราม), หลักพระปฐมสมโพธิ หรือ พระพุทธประวัติ ฉบับสมบูรณ์, (กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์ลูก ส.ธรรมภักดี, 2530), หน้า 22-24.
[2] นิษาทะ คือบุตรที่เกิดจากบิดาเป็นพราหมณ์ มารดาเป็นศูทรเป็นผลจากการแต่งงานข้ามวรรณะกรือเรียกว่าวรรณะสังกร

ด้วยการทำนาบ้าง ค้าขายบ้าง  เลี้ยงโคบ้าง  เป็นนายขมังธนูบ้างด้วยศิลปะต่างๆ บ้าง  เป็นราชบุรุษบ้าง  เที่ยวขอทาน   เมื่อได้ทรัพย์แล้วก็นำไปมอบให้อาจารย์  แล้วเที่ยวแสวงหาภรรยา  ไม่เลือกชาติเลือกตระกูล  เมื่อได้ภรรยาแล้วก็หาเลี้ยงชีพด้วยการงานไม่เลือก ดังนี้ซึ่ง พราหมณ์จัณฑาลจำพวกที่5นี้แหละยังมีเหลืออยู่ในโลกจนกระทั่งพุทธกาลทั้งยังเป็นพวกที่สอนศาสนาพราหมณ์เป็นพวกบูชายัญและพวกปุโรหิตาจารย์  ศาสนาของพวกพราหมณ์แต่งขึ้นตามความคิดความเห็นของพราหมณ์คนหนึ่งๆและของฤๅษีที่เป็นศาสนาพราหมณ์แต่งกันเรื่อยมาผู้แต่งก็เป็นปุถุชนคัมภีร์พราหมณ์จึงมีมาก
เวศหรือแพศย์จำพวกพลเรือนมีธุระทางทำนาค้าขายคำว่าเวศ  หรือ  แพศย์นี้มาจากคำว่า วิสุ  ซึ่งแปลว่า ต่าง ๆ ใน อัคคัญสูตรอันเป็นพุทธพจน์ว่า วิสุ กมฺมนฺเต ปโยเชนฺตีติ เวสฺสา แปลว่า พวกใดประกอบงานต่าง ๆ พวกนั้นชื่อว่า เวศหรือแพทย์ ได้แก่ บุคคลจำพวกที่ครองเรือน และช่างต่างๆ

ศูทร จำพวกคนงานมีธุระรับจ้างทำการทำของ คำว่า ศูทร แปลมาจาก สูทะ คำว่า สูท แปลว่า ไหลออกแห่งรส ได้แก่ ผู้ทำอาหาร ซึ่งเรียกว่า พ่อครัวในบาลีเรียกว่า สุททะ ก็มีพวกศูทรก็สนใจทำหน้าที่ครัวตลอดถึงรับจ้างทำการงานต่าง ๆ 

ความคิดเห็น